From Soil to Soul ดิน – ชีวิต – จิตวิญญาณ

สำหรับมนุษย์ดินเป็นแหล่งที่มาของปัจจัย 4 เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย หรือยารักษาโรค เราต่างได้อาศัยดินในการรังสรรค์ทุกอย่างให้เกิดขึ้นเพื่อการดำรงชีวิตทั้งสิ้น ซึ่งถ้าถามว่าดินมีความสำคัญกับชีวิตของมนุษย์เรามากแค่ไหน คงตอบเป็นประโยคสั้นๆ ได้ว่า “ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนั้น ล้วนแต่ต้องอาศัยดินในการยังชีพและเจริญเติบโต”
ดินจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตทั้งในมนุษย์และสัตว์ อาหารที่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายกินเพื่อยังชีพมาจากดิน 95% ดังนั้นหากปราศจากดิน ก็ปราศจากชีวิต
น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ ดินกำลังจะตาย กำลังจะสิ้นลมหายใจ และไม่สามารถผลิตอาหารได้อีกต่อไป นั่นเพราะกิจกรรมของมนุษย์บนโลกทำร้ายและทำลายดินให้เสื่อมโทรม โดยเฉพาะภาคการเกษตรซึ่งทำหน้าที่ผลิตอาหารนั่นเองที่ทำลายดินมากที่สุด จากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่ไถพรวนหน้าดินในพื้นที่ขนาดใหญ่จนเกิดการสูญเสียสมดุลของชีวเคมีตามธรรมชาติของดิน รวมถึงการขาดอินทรีย์วัตถุในดิน เช่น สิ่งมีชีวิตเซล์เดียว แบคทีเรีย และรา ฯลฯ จากการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และการเผาไหม้ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำให้ดินเสื่อมโทรมและสูญเสียสมดุลจนยากที่เรียกกลับคืนได้
องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าขณะนี้หนึ่งในสามของดินในโลกมีความเสื่อมโทรมปานกลางถึงมากจากการไถพรวนอย่างรุนแรง และผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเสื่อมโทรมของดินอาจทำให้ผลผลิตลดลง 10% ภายในพ.ศ. 2593 หรืออีก 26 ปีข้างหน้า
จากการสำรวจในอินเดียพบว่าดินได้สูญเสียอินทรีย์วัตถุอย่างรุนแรงและลดจำนวนลงเหลือเพียง 0.5% ต่ำกว่าค่าวิกฤตที่ควรอยู่ใระดับ 3-6 % ทำให้อินเดียจะต้องเผชิญกับการขาดแคลนอาหารอันเนื่องมาจากดินสร้างผลผลิตทางอาหารได้ลดลงมากถึง 40% ภายในปี 2045
ขณะที่ WFP (World Food Program) ระบุว่า บางรัฐในสหรัฐอเมริกาจะสูญเสียการผลิตอาหารไปจากการที่หน้าดินถูกทำลายมากถึง 40-50% ภายในปี 2035 และกว่า 70% ของหน้าดินทั่วสหรัฐกำลังถูกทำลาย
หรือแม้แต่ประเทศไทยเองที่ในตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับปัญหาดินเสื่อมโทรมเช่นเดียวกัน โดยสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการเปรียบเทียบพื้นที่การสูญเสียดินระหว่าง พ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2563 พบว่า พื้นที่ราบที่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรมากที่สุด มีแนวโน้มการสูญเสียดินที่เพิ่มขึ้น และควรได้รับการพิจารณาเพื่อหาแนวป้องกันการชะล้างพังทลายของดินที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่อไป
ความเสื่อมโทรมของที่ดินจึงเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วนที่สุดปัญหาหนึ่งของโลก และจะเลวร้ายลงหากไม่มีการดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ทั่วโลกประมาณร้อยละ 25 ของพื้นที่ดินทั้งหมดได้รับความเสื่อมโทรม และเมื่อที่ดินเสื่อมโทรมลง คาร์บอนในดินและไนตรัสออกไซด์จะถูกปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้การเสื่อมโทรมของที่ดินเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และที่น่าตกใจคือ โลกสูญเสียดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปถึง 24 พันล้านตันต่อปีจากการทำเกษตรกรรมแบบไม่ยั่งยืน
การสูญเสียดินอาจเป็นสิ่งที่ใครก็คาดไม่ถึง เพราะเพียงแค่ก้าวเท้าออกจากบ้านเราก็สัมผัสดินได้แล้วแน่นอนว่าดินจะไม่มีวันหายไปจากโลก แต่ดินที่ดีที่สามารถผลิตอาหารได้นั้นจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ และสุดท้ายดินอาจกลายเป็นเม็ดทราย เป็นทะเลทราย อันเนื่องมาจากการวิธีคิดแบบทุนนิยมสุดขั้วที่ทำให้ดินกลายเป็นทรัพยากรที่ถูกนำไปใช้มากที่สุดแบบขาดการยั้งคิด
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะร่วมมือกันคืนชีวิตให้ผืนดิน เพื่อคืนชีวิตให้พวกเราและลูกหลานของเราในอนาคต
การคืนชีวิตให้ดินเป็นสิ่งที่ไม่ไกลเกินเอื้อมหากเราทุกคนร่วมรับรู้ ตระหนักถึงปัญหา และหาวิธีแก้ไขร่วมกัน ต่อไปนี้คือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับดิน ที่เราเชื่อว่าพลังเล็กๆ ที่เกิดจากพวกเราทุกคนจะสร้างการเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ได้โดยเริ่มต้นที่ตัวเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นเกษตรกรซึ่งเชื่อมโยงกับดินโดยตรง และมีบทบาทสำคัญในการทำให้ดินดี มีชีวิต เพื่อชีวิตทุกๆ ชีวิตบนโลก
เปลี่ยนจากการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้เป็นป่าไม้หรือทุ่งหญ้า นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการยืดอายุของดิน แต่แลกมาด้วยการลดพื้นที่สำหรับการเพาะปลูก ซึ่งวิธีการนี้อาจส่งผลกระทบเมื่อประชากรโลกเพิ่มขึ้น และความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น อาหารจะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต เราจึงจำเป็นต้องค้นหาวิธีปกป้องดินและสามารถเพาะปลูกได้ด้วยในเวลานี้ ซึ่งหากเราสามารถเพิ่มผลผลิตพืชผลได้ เราก็ประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องของอาหารและรักษาดิน
ปลูกพืชคลุมดินในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยว หากเราจำเป็นต้องใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม การปลูกพืชคลุมดินจะมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงคุณภาพดิน โดยจะรักษาโครงสร้างของดิน ความอุดมสมบูรณ์ และช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุ พืชคลุมดินประกอบด้วยพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว และถั่วเลนทิล
ไถพรวนน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์ การไถพรวนแบบเดิมๆ เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปที่เกษตรกรจะใช้เครื่องไถพรวนและกลับดินโดยใช้คันไถ ซึ่งสิ่งนี้ทำเพื่อขับไล่และทำลายวัชพืช แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ วิธีนี้สามารถทำลายโครงสร้างของดิน เนื่องจากการไถพรวนทำลายหน้าดินลึกลงไปไม่น้อยว่า 14 นิ้ว ในขณะที่หน้าดิน 12-15 นิ้ว เป็นโครสร้างสำคัญของดินที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ส่งผลให้ดินสูญเสียอินทรีย์วัตถุและแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งการไถพรวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ดินไม่สามารถฟื้นฟูหน้าดินที่สูยเสีบไปให้กลับคืนมาได้เลย
แนวทางปฏิบัติทั้ง 3 แนวทางนี้จะมีประสิทธิผลสูงสุดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ ด้วย วิธีการดังกล่าวนี้ความจริงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเกษตรกรบางกลุ่ม ด้วยข้อจำกัดทางสังคมและเศรษฐกิจของเกษตรกร แต่ที่แน่ชัดคือวิธีเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่จะยืดอายุของดินทั่วโลกให้คงอยู่ได้
THE FARMER ในฐานะแพลตฟอร์ตที่สนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ตระหนักรู้และเห็นถึงคุณค่าและความคัญของดินที่เปรียบเสมือนชีวิตของเรา จึงได้นำเสนอแนวคิด “From Soil to Soul” จากผืนดินสู่จิตวิญญาณ เพื่อบอกเล่าและถ่ายทอดทุกเรื่องราวของดิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งชีวิตและการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณของมนุษย์ ด้วยการสร้างการตระหนักรู้ถึงปัญหาดินเสื่อมโทรม ดินขาดแร่ธาตุ ไร้ชีวิต ซึ่งเป็นปัญหาในระดับวิกฤตของภาคเกษตรกรรมที่เกี่ยวโยงกับความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารของคนทั้งโลก รวมถึงช่วยค้นหาทางออกจากหลากหลายองค์ความรู้และภูมิปัญญา จากกูรูและเกษตรกรตัวจริงที่อุทิศชีวิตเพื่อผืนดิน
และในครั้งนี้เราจึงชวนผู้คนในแวดวงเกษตรกรรมมาบอกเล่าถึงเรื่องราวที่กำลังทำอยู่ รวมถึงการส่งสารที่ชวนให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของ “ดิน” ที่เป็นมากกว่าแค่ส่วนประกอบธรรมชาติ แต่เป็นรากฐานของชีวิตและความอยู่รอดของเราทุกคน
ผู้อยู่เบื้องหลังวงการเกษตรไทย

“ถ้าดินมีสุขภาพดี ก็จะทำให้พืชสามารถสร้างการเจริญเติบโตได้ดี ลดต้นทุน หรือประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้”
คุณพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร หัวเรือใหญ่ภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย ผู้ที่อยากผลิกโฉมให้กระดูกสันหลังของชาติมีชีวิตที่ดีขึ้น ในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับเกษตรกรรายเดิม-รายใหม่, ผลผลิตที่คุณภาพดีได้กำไร, สุขภาพของเกษตรกร ไปจนถึงรายได้ในครัวเรือน ทั้งอยากส่งเสริมให้ภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยพัฒนาไปในทิศทางที่ดีอย่างยั่งยืน เพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และโลก
อ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2442

“ดิน คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เราจึงควรให้ความสำคัญ ให้คุณค่า และให้ความเคารพกับดิน เพราะเมื่อไหร่ที่เราเริ่มเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง กลั้นแกล้งดินให้ดินเป็นในสิ่งที่เราอยากจะให้เป็น การกระทำนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้ดินกำลังหมดคุณค่าลงไป และอนาคตก็อาจจะไม่มีดินให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานนำพาและก่อเกิดสิ่งดีๆ”
คุณต่อ – อุกฤษฏ์ วงษ์ทองสาลี ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ผู้เชื่อว่าดินเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องของพืชพรรณและผลไม้ แต่รวมถึงความเป็นอยู่ของมนุษย์ด้วย ฉะนั้นเราควรให้ความสำคัญ ให้คุณค่า และให้ความเคารพกับดิน เพื่อให้โลกใบนี้ยังคงมีดินที่ดีส่งต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานได้นำพาและก่อเกิดสิ่งดีๆ ต่อไปกับชีวิตของพวกเขาในอนาคต
อ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2444

“ทุกชีวิตเราเกิดมาอยู่กับดิน โดยเฉพาะเกษตรกร มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติเราเน้นย้ำในเรื่องของการพัฒนาดิน คืนชีวิตให้แผ่นดิน เพราะถ้าไม่มีผืนดินให้เรายืนอยู่เราก็ไม่สามารถจะยืนอยู่ได้ ผืนดินทุกตารางนิ้วสร้างทุกสรรพสิ่งให้เรา คือสร้างอาหาร สร้างการมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นเราไม่ควรที่จะไปทำลายดิน และจะต้องฟื้นฟูปรับปรุงให้ดินอยู่กับชีวิต และเรียนรู้ชีวิตอยู่กับดิน”
อาจารย์ธีระ วงษ์เจริญ ประธานมูลนิธิเศรษฐกิจพอเพียง ประธานวุฒิอาสาธนาคารสมอง ของจังหวัดจันทบุรี อีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่ลงมือทำจริงเปลี่ยนการเกษตรเคมีเป็นเกษตรอินทรีย์ที่ดีต่อชีวิตเกษตรกรและโลกจนเป็นที่ยอมรับ รวมถึงส่งต่อชุดความรู้มากมายให้เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ห่วงใยผู้อื่น ห่วงใยดิน และห่วงใยโลก เพื่อการเป็นเกษตรกรที่ยั่งยืน
อ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2447

“ดินเป็นพื้นฐานสำคัญของการประกอบอาชีพเกษตรกรรม แม้ว่าเทคโนโลยีในยุคใหม่บางประเภทอาจจะไม่ต้องอาศัยดินก็ตาม แต่เกษตรกรรมส่วนใหญ่ก็ยังคงมีดินเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ต้นไม้พืชพรรณต่างๆ เหล่านั้นผลิดอกออกผล ถ้าจะถามว่าดินสำคัญไหม สำคัญอย่างยิ่งยวดครับ”
ดร. ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน บุคคลที่มองว่าดินเป็นพื้นฐานสำคัญของการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพราะถึงแม้เทคโนโลยียุคใหม่บางประเภทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยดินก็ตาม แต่ภาคเกษตรกรรมส่วนใหญ่ก็ยังมีดินเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ต้นไม้ พืชพรรณต่างๆ เหล่านั้นผลิดอกออกผลอยู่ดี ฉะนั้นดินจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
อ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2438
คนรุ่นใหม่ของวงการเกษตรไทย

“ดินมีความสำคัญมากเหมือนเป็นหัวใจหลักของการทำการเกษตร เพราะการที่เราจะปลูกอะไรได้ เราต้องมีดินที่ดีมาเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะเดียวกันเราต้องเรียนรู้ไปกับธรรมชาติ เพราะไม่ใช่แค่ดิน แต่มันคือสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบดิน เราจะดูแลแบบไหน ฟื้นฟูอย่างไรให้เป็นการเกษตรที่ยั่งยืน มีดินที่ดีสามารถส่งต่อให้ลูก-หลานได้ใช้ทรัพยาการต่อได้”
คุณเจนนิเฟอร์ อินเนส-เทเลอร์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ #น้องเจนทำฟาร์ม TikToker ลูกครึ่งอังกฤษหัวใจเกษตร เจ้าของ Udon Organic Farm คนรุ่นใหม่ที่ลงมือทำฟาร์มออร์แกนิก ด้วยระบบเกษตรกรรมฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) กับคุณพ่ออย่างจริงจัง จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจและเกษตรกรต้นแบบให้กับการเกษตรไทย
อ่านเนื้อหาทั้งหมดได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2494

“ป่าดี ดินดี มีหรือที่ต้นกาแฟจะไม่ดี เราในฐานะคนปลายน้ำ ได้สัมผัสกับชีวิตคนต้นน้ำมาบ้าง จึงทำให้ได้รู้ว่า ถ้าหากต้นน้ำดี ก็จะส่งผลดีต่อปลายน้ำด้วย เพราะฉะนั้นดินดี ชีวิตดีครับ”
คุณทอมมี่ – ธนบัตร กายเออร์ พิธีกร อาจารย์สอนถ่ายภาพ และเจ้าของร้าน ZAKARA Cafe BKK คนปลายน้ำที่สนใจและหลงรักในเสน่ห์ของกาแฟ ไปพร้อมๆ กับผืนป่า จึงอยากเห็นและสนับสนุนคนต้นน้ำ (เกษตรกรกาแฟ) ที่ทำให้เรื่องดิน กาแฟ ป่า เป็นสิ่งสามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ เพราะเมื่อดินดี ผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ต้นกาแฟก็จะดีไปด้วย
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2504

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราอาจจะมองข้ามในเรื่องของดินไปบ้าง เราคิดเพียงแค่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้ผลผลิตมากพอตามที่ตลาดต้องการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราต้องยิ้มกลับมายังจุดเริ่มต้น เพราะกินเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ทั้งความเติบโตของต้นกาแฟ ความอุดมสมบูรณ์ของป่า รสชาติของกาแฟ ซึ่งถ้าเราไม่มีดินที่ดี เกษตรกรจะไม่มีทางที่จะมีผลผลิตที่ดี และมีคุณภาพได้เลย”
คุณน้ำหวาน – นันทนา จันทวี เกษตรกรเจ้าของไร่กาแฟ หมู่บ้านห้วยน้ำกืน จ.เชียงราย คนรุ่นใหม่ที่นำองค์ความรู้มาต่อยอดและพัฒนาชุมชน ด้วยการนำกาแฟมาปลูกเสริมในไร่ชา อย่างไม่ละทิ้งจุดเริ่มต้นของรากฐานชีวิตอย่างดิน โดยน้ำหวานเล่าว่า “ในมุมมองของเกษตรกรถ้าขาดดินหรือว่าดินไม่ดีเราจะไม่มีทางมีผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพได้”
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2506

“มันไม่ใช่แค่เป็นปลูกผักสลัดเสร็จแล้วก็คุ้ยดินออกมาแล้วก็ใส่เข้าไปใหม่ เราไม่ได้ทำการเกษตรแบบนั้น เราทำการเกษตรแบบที่เราเข้าใจว่าดินเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตมากมาย เพราะฉะนั้นเรื่องของดินไม่ได้เป็นแค่อาหารของผักที่เราจะกินเข้าไป แต่มันเป็นระบบนิเวศที่เราต้องเรียนรู้”
คุณแพร – อมตา จิตตะเสนีย์ หรือ แพรี่พายที่เราต่างรู้จักเธอจากบทบาทเมกอัพอาร์ติสต์ชื่อดังระดับโลก สู่การเป็นนักสื่อสารเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อธรรมชาติ จนวันนี้เธอผันตัวมาเป็น Urban Farmer และนักศึกษาปริญญาเอกภาควิชาชีววิทยา ที่ลงลึกเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและชาติพันธุ์วิทยา
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2545
เกษตรกรรมแบบใหม่

“ในฐานะที่เป็นชาวนาและทำข้าวอินทรีย์ ดิน คือหัวใจสำคัญในการปลูกข้าวเป็นอย่างมาก เพราะรากของพืชต้องอาศัยการหยั่งลงไปในดิน ถ้าเราทำให้ดินสมบูรณ์ มันก็จะเตรียมพร้อมทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเราดูแลดินไม่ดีก็จะทำให้เกิดปัญหา ทำให้พืชไม่เติบโตหรือเติบโตได้ไม่ดี ผมจึงอยากให้เกษตรกร หรือคนที่รักในการปลูกต้นไม้ ปลูกพืชดูแลหัวใจดวงนี้ให้ดีที่สุด”
คุณไพวัลย์ พิพัฒธาดา บ้านไร่ต้นฝันออร์แกนิคฟาร์ม เกษตรกรชาวนาปลูกข้าวอินทรีย์ ผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับดิน เพราะดินเปรียบเสมือนหัวใจห้องหนึ่งของการทำการเกษตร จึงตั้งใจปลูกข้าวอินทรีย์ และพืชพรรณอื่นๆ แบบอินทรีย์ ที่ทั้งดีต่อสุขภาพและโลก
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2513

“ดิน เป็นเหมือนพื้นฐานของการทำการเกษตร ถ้าดินไม่ดีเราก็ไม่สามารถปลูก หรือทำการเกษตรอะไรต่อไปได้ เพราะฉะนั้นเราจะทำการเกษตร เราต้องบำรุงดิน เพื่อให้ดินแข็งแรง และเมื่อทุกอย่างงอกงามเราก็สามารถนำมากิน หรือขายต่อได้”
มิ้นท์ – ต้นฝัน พิพัฒธาดา บ้านไร่ต้นฝันออร์แกนิคฟาร์ม เกษตรกรคนรุ่นใหม่ที่มีพลังบวกอย่างเต็มเปี่ยมในการทำเกษตรแบบอินทรีย์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมผสานวิถีเกษตรอินทรีย์ ปลูกข้าว ปลูกผัก ปลูกผลไม้ เครื่องเทศ และสมุนไพร เพื่อให้ทุกคนได้กินของที่ดีต่อสุขภาพ และดูแลโลกไปพร้อมๆ กัน
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2510

“ในกระบวนการปลูกพืชออร์แกนิก ปัจจัยของดินสำคัญมาก เพราะเราไม่สามารถใช้สารเคมีหรือเติมเคมีที่มีการสังเคราะห์เข้ามาได้ เพราะฉะนั้นดินหรือธาตุอาหารในการปลูกพืชอินทรีย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งแรกที่เราต้องใส่ใจมากที่สุด”
โซ่ – ปรียะสิทธิ์ เจียรวาปี ประธานกลุ่ม Young Smart Farmer จังหวัดอุดรธานี เจ้าของฟาร์มผักบ้านดอนม่วง ฟาร์มผักออร์แกนิกหรือผักปลอดสารพิษ เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ตั้งใจส่งต่อผัดสด สะอาด และคุณภาพดีให้แก่ผู้บริโภค ทั้งยังคำนึงถึงสุขภาพคนผลิต และโลกด้วยการไม่ใช่สารเคมี
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ : https://thefarmerthai.com/?p=2515
ที่มา :
- https://www.britannica.com/story/could-we-lose-all-the-soil-on-earth
- https://www.fao.org/newsroom/detail/agriculture-soils-degradation-FAO-GFFA-2022/
- https://ourworldindata.org/soil-lifespans#article-citation
- https://graniteseed.com/blog/what-is-soil-deterioration/
- https://www.thegef.org/what-we-do/topics/land-degradation
- https://www.youtube.com/watch?v=d8UF0_km2yc&t=347s
- http://env_data.onep.go.th/reports/subject/view/88



