fbpx
NEWSหมวดอื่นๆ

ภูมิอากาศสุดขั้ว เอลนีโญ- ลานีญา เกษตรกรเสี่ยงแค่ไหน และจะรับมือได้อย่างไร

พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา หรือ “วันพืชมงคล” เป็นพิธีการที่จัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลและบำรุงขวัญเกษตรกร โดยในปีนี้พระยาแรกนาเสี่ยงทายหยิบผ้าได้ 5 คืบ น้ำปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ ส่วนพระโคกิน “น้ำ – หญ้า – เหล้า” หมายความว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารอุดมสมบูรณ์ การคมนาคมสะดวก การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น เศรษฐกิจรุ่งเรือง

การเสี่ยงทายครั้งนี้นับว่าสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก เพราะว่าประเทศไทยต้องเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งเป็นความผันแปรของระบบอากาศที่ส่งผลให้อุณหภูมิสูงกว่าปกติ และปริมาณน้ำฝนน้อยลง จนเกิดเป็นอากาศที่ร้อนขึ้นและความแห้งแล้งมาตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผลการเสี่ยงทายสอดคล้องกับข้อมูลจากกรมอุตุมนิยมวิทยาที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในสภาวะเอลนีโญกําลังอ่อน ทำให้ประเทศไทยมีแนวโน้มอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ในขณะที่ปริมาณฝนใกล้เคียงค่าปกติ และมีความน่าจะเป็นร้อยละ 60 ที่จะเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม 2567 

เช่นเดียวกันกับข้อมูล​ของสถาบันวิจัยนานาชาติ มหาวิทยาลัย​โคลัมเบีย​ ที่ระบุว่าปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังค่อยๆ ลดน้อยลงในเดือนเมษายน-มิถุนายน 2567 หลังจากนั้นจะเปลี่ยนไปสู่สภาพอากาศ​แบบลานีญาแบบอ่อน​ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักข่าวรอยเตอร์ โดย นักพยากรณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ รายงานว่ารูปแบบสภาพอากาศเอลนีโญควรจะจางหายไปภายในเดือนมิถุนายน แต่ปรากฏการณ์ลานีญาอาจเข้ามาแทนที่ได้ภายในครึ่งหลังของปี (รายงานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม. 2567)

Motorcycle motion riding thourgh gale rain on front wooden house in road community

ปรากฏการณ์ลานีญาคืออะไร

ลานีญา (La Nina) เป็นปรากฏการณ์ที่ขั้วตรงกันข้ามกับเอลนีโญ คือ ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกตอนกลางของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรต่ำกว่าปกติประมาณ 0.5 องศาเซลเซียสลงไป ซึ่งปรากฏการณ์ลานีญาจะเกิดขึ้นได้ทุก 2-3 ปี และปกติจะเกิดนานประมาณ 9-12 เดือน แต่บางครั้งอาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะปรากฏการณ์ ลานีญา เกิดขึ้นมาตลอดโดยส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เช่น เหตุการณ์น้ำท่วมหนักในประเทศไทยเมื่อปี 2554 ซึ่งถึงแม้ในครั้งนั้นความรุนแรงจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ลานีญาที่เกิดขึ้นทันทีที่ปรากฏการณ์เอลนีโญ (EL Nino) สิ้นสุดลง หรือปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ครั้งล่าสุดที่ใช้ระยะเวลายาวนานถึง 3 ปี โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2563 จนทำให้เกิดฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกติดต่อกันนานผิดปกติ 

ปรากฏการณ์ลานีญาต่างจากปรากฏการณ์เอลนีโญอย่างไร

เอลนีโญ (El Nino) คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำ และกระแสลมที่ทำให้เกิดการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก โดยกระแสลมที่มีกำลังอ่อนได้เปลี่ยนทิศทางให้พัดจากทางทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้กระแสน้ำอุ่นนั้นมีการไหลไปยังทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ประเทศที่อยู่ทางฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลียได้รับผลกระทบในเรื่องของความแห้งแล้ง แทนที่จะเกิดฝนตกตามฤดูกาล และในทางกลับกัน ทางฝั่งอเมริกาใต้ที่มีความแห้งแล้งก็มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นแทน โดยเฉลี่ยมักจะเกิดอยู่แบบนี้ประมาณ 12-18 เดือน

ในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยเคยประสบกับปัญหาภัยแล้งเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนิโญอยู่หลายครั้ง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 74 ปี ประเทศไทยผ่านปรากฏการณ์เอลนิโญมาแล้วทั้งหมด 26 ครั้ง มีทั้งระดับอ่อนไปจนถึงรุนแรงมาก  

จากการบันทึกเหตุการณ์ภัยแล้งปี 2567 ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ระบุว่าปรากฎการณ์เอลนีโญส่งผลให้บริเวณประเทศไทยและพื้นที่ใกล้เคียงมีแนวโน้มที่ฝนจะฝนตกน้อย ซึ่งสภาวะฝนแล้งที่เกิดขึ้นในปี 2562 นั้น ได้เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังอ่อน (ค่า ONI อยู่ระหว่าง 0.5-1.0) มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ประมาณเดือนตุลาคม ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงกลางปี 2562 ประมาณเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นได้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ (ค่า ONI มีสภาวะเป็นกลาง) จนถึงช่วงต้นปี 2563 

หากเทียบกับปีที่ประเทศไทยเกิดภัยแล้งรุนแรงในอดีตจะพบว่าเหตุการณ์ภัยแล้งในครั้งนี้ได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังอ่อนคล้ายกับภัยแล้งที่เกิดขึ้ันในช่วงปี 2547-2548 แต่ทั้งนี้ปรากฎการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2552-2553 เป็นเอลนีโญกำลังปานกลางซึ่งรุนแรงมากกว่าครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยแล้งที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2558-2559 ที่รุนแรงกว่าครั้งนี้มากเนื่องจากเกิดสถานการณ์เอลนีโญกำลังแรงมาก (Strong El Niño / Super El Niño) โดยปรากฎการณ์เอลนีโญเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2557 และเกิดขึ้นตลอดปี 2558 โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่เป็นซุปเปอร์เอลนีโญต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2559 ซึ่งทุกปรากฎการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกน้อยกว่าปกติทั้งสิ้น

ผลกระทบหลักของปรากฎการณ์เอลนีโญที่ผ่านมาก็คือ ผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากเกิดภัยแล้ง เกษตรกรผู้ปลูกพืชผลทางการเกษตรหลายประเภท เช่น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา และปาล์มน้ำมัน รวมถึงผลไม้ เช่น มะม่วง ทุเรียน และสับปะรด ล้วนต่างได้ผลผลิตที่ลดน้อยลง

เมื่อเอลนีโญเปลี่ยนเป็นลานีญาภายในปี 2567 ประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้น

ข้อมูลจากวิจัยกรุงศรี ระบุว่า การที่ประเทศไทยจะย้ายจากปรากฏการณ์เอลนีโญไปสู่ลานีญาภายในปี 2567 ในช่วงครึ่งปีแรกจะยังคงได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ พื้นที่ที่อยู่นอกเขตชลประทานจะได้รับผลกระทบหนักมากขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น คลื่นความร้อน อัตราการระเหยที่เร่งขึ้น ความล่าช้าของฝนตามฤดูกาล และปริมาณน้ำฝนโดยรวมที่ลดลง ซึ่งผลกระทบจากภัยแล้งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และภาคเกษตรกรรมที่ต้องการน้ำฝนสำหรับเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก

แต่การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ในช่วงครึ่งหลังของปี ถึงแม้ว่าดัชนีชี้วัดที่สำคัญที่สุดจะเป็นดัชนี เช่น ONI ซึ่งมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่ภาวะเป็นกลางแล้วเข้าสู่ภาวะลานีญา และ ดัชนี PDO และ IOD ซึ่งจะมีแนวโน้มเข้าสู่ระยะลบ (เช่น ต่ำกว่า -0.5) ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบจากพายุโซนร้อนต่อประเทศไทยมากขึ้น โดยมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยประสบน้ำท่วมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอดีต ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายและความสูญเสียต่อครัวเรือน โรงงาน เครื่องจักร และผลผลิตทางการเกษตรได้ 

เหตุผลที่ประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงต่ออุทกภัยเพิ่มเติม นื่องจากสภาพอากาศและปัจจัยแวดล้อมที่ส่งสัญญาณหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าดัชนี Oceanic Niño Index (ONI) จากแบบจำลองที่มีทิศทางปรับลดลงเข้าสู่ระดับลานีญา (หรือดัชนีมีค่าเป็นลบ) อย่างรวดเร็วทั้ง 3 แบบ ได้แก่ แบบฐานที่ประเทศไทยมีแนวโน้มจะเผชิญภาวะลานีญาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ปริมาณฝนเกิดขึ้นมากกว่าปกติ หรือในกรณีเลวร้ายและเลวร้ายที่สุดที่แม้จะอยู่ในช่วงเอลนีโญระดับอ่อน (Weak El Niño) ในเดือนสิงหาคม 2567 และระดับปกติ (Neutral) ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 แต่ก็มีแนวโน้มสูงที่ปริมาณฝนจะกลับมาสู่ภาวะปกติในเวลาเดียวกัน อิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อนที่คาดว่าจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ของทุกปีจะส่งผลให้ประเทศไทยเผชิญฝนตกชุก อันอาจส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าวเกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้

Dark rain cloud with lightning storm in the city

จากการคาดการณ์จึงทำให้ในปี 2567 ปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคมมีแนวโน้มมากกว่าระดับปกติ10/ ราว 10-15% ส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนนี้มีโอกาสเกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันโดยเฉพาะพื้นที่ท่วมซ้ำซาก (Flood-prone Areas หรือ Flood Bed) อย่างไรก็ตามความเสี่ยงน้ำท่วมเป็นวงกว้างโดยรวมยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากปริมาณฝนที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีจะทำให้ปริมาณน้ำฝนสะสมทั้งปีกลับมาอยู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ที่ประมาณ 1,613 มิลลิเมตร ซึ่งยังคงต่ำกว่าระดับมหาอุทกภัยปี 2564 ที่มีปริมาณฝนอยู่ที่ 1,948 มิลลิเมตร

ทั้งนี้รวมไปถึงปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย ปริมาณพายุที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม และอิทธิพลของพายุ นอกจากปริมาณพายุหลักแล้ว ไทยยังเผชิญความเสี่ยงจากอิทธิพลของพายุที่แม้จะไม่ได้เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่อาจจะสลายตัวในบริเวณประเทศเพื่อนบ้านหรือเปลี่ยนทิศทางเข้าสู่ประเทศไทยได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงความเสี่ยงการเกิดภาวะอุทกภัยทั้งสิ้น

แม้ยังไม่มีข้อมูลระบุแน่ชัดว่าการสภาวะลานีญาที่กำลังเข้าไทยในครั้งนี้จะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ใดก็ล้วนส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรทั้งสิ้น การรู้เท่าทันและเตรียมตัวรับมือเพื่อวางแผนการผลิตจึงเป็นสิ่งสำคัญของเกษตรกรในยุค Climate Change ที่อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน และพร้อมเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา

Dragonfly แอปพลิเคชันเกษตรรายแปลง รู้ก่อน ได้เปรียบกว่า

เพื่อเตรียมตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา  THE FARMER มีตัวช่วยเกษตรกรมาแนะนำ เรียกว่าเตรียมพร้อมก่อน ก็เริ่มต้นรับมือกับปรากฎการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ก่อนใคร นั่นก็คือ แอปพลิเคชัน Dragonfly แอปพลิเคชันเกษตรรายแปลงที่ถูกพัฒนาขึ้นจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ตัวช่วยให้เกษตรกรสามารถรับมือ ติดตาม เฝ้าระวัง คาดการณ์ และมีข้อมูลที่เป็นพลวัตในการประกอบการตัดสินใจที่เท่าทันเหตุการณ์ และเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ การวางแผน การบริหารจัดการแปลงเพาะปลุกของตัวเองได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงขายผลผลิตด้วยเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศที่แม่นยำและทันสมัย 

หนึ่งในฟังก์ชั่นที่น่าสนใจและเข้ากับสถานการณ์สภาพภูมิอากาศแปรปรวนก็คือ เกษตรกรสามารถดูแจ้งเตือนพืนที่น้ำท่วม ระดับความเสี่ยงภัยแล้ง และจุดความร้อน ภายในแปลงและบริเวณใกล้เคียงของตนเองได้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นแจ้งเตือนสภาพดิน ฟ้า อากาศ รายชั่วโมง และล่วงหน้า 7 วันอีกด้วย ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลอ้างอิงจากกรมอุตุนิยมวิทยาจึงเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้

Dragon Fly ยังมีอีกหลากหลายฟังก์ชั่นที่ช่วยผ่อนแรงเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสภาพแปลง การแนะนำปริมาณปุ๋ยไนโตรเจนที่เหมาะสม การจดบันทึกข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการเกษตร ไปจนถึงการบอกราคาผลผลิตทางการเกษตรในปัจจุบันที่อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ หากเกษตรกรอยากลองหาตัวช่วยก็สามารถเข้าไปทดลองใช้งาน  Dragonfly ได้ที่ Website : https://dragonfly.gistda.or.th/ หรือ Mobile Application IOS : https://apps.apple.com/th/app/dragonfly/id1668939031 Android : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.gistda.agriplatform&pli=1

แต่ถ้ายังติดขัดตรงไหนก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-141-4643 หรือ Email: agri.soc@gistda.or.th ได้เช่นเดียวกัน 

เพิ่มเติม :  

  1. ค่าดัชนี Oceanic Nino Index (ONI) เป็นค่าดัชนีชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเลตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิก บ่งชี้การเกิดปรากฏการณ์ El Niño (ONI>0.5) และ La Niña (ONI<-0.5) ซึ่งเป็นสถานะในปรากฏการณ์ El Niño Southern Oscillation (ENSO) และสามารถส่งผลต่ออุณหภูมิน้ำทะเลในอ่าวไทยและทะเลอันดามันได้ ได้แก่ ในช่วงที่เกิด El Niño อุณหภูมิน้ำทะเลในน่านน้ำไทย อาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าค่าปกติ และในช่วง La Niña อุณหภูมิน้ำทะเลอาจมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าค่าปกติ ทั้งนี้ค่าดัชนี ONI คำนวณได้จากผลต่างระหว่างอุณหภูมิน้ำผิวหน้าน้ำทะเลเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนในพื้นที่ Nino
  2. ค่าดัชนี Pacific Decadal Oscillation (PDO) ค่าเฉลีย SSTA บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก เหนือ 20°N Pacific Decadal Oscillation (PDO) คือ ปรากฏการณ์ทางสมุทรศาสตร์ที่อุณหภูมิน้ำทะเลฟากตะวันออกและฟากตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ข้างหนึ่งจะอุ่นกว่าปกติ ส่วนอีกข้างจะเย็นกว่าปกติ ซึ่งจะเกิดการสลับข้างกันทุก 30 ปี โดยประมาณ ลักษณะของปรากฏการณ์จะเกิดขึ้น 2 รูปแบบ ดังนี้ 2.1  Posttive Phase ฟากตะวันออกเย็น ฟากตะวันตกอุ่น มหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉลี่ยจะอุ่น และยังทำให้บริเวณเอเชียตะวันออกและซีกตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือจะอุ่นกว่าปกติ สถานการณ์ฝนบริเวณประเทศไทย และพื้นที่ใกล้เคียงมีแนวโน้มน้อยกว่าปกติ 2.2 Negative Phase ฟากตะวันออกอุ่น ฟากตะวันตกเย็น มหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉลี่ยจะเย็น และยังทำให้บริเวณเอเชียตะวันออกและชีกตะวันตกของทวิปอเมริกาเหนือจะเย็นกว่าปกติด้วยสถานการณ์ฝนบริเวณประเทศไทย และพื้นที่ใกล้เคียงมีแนวโน้มมากกว่าปกติ
  3. ค่าดัชนี Indian Ocean Dipole (IOD) คือ การเคลื่อนไหวไปมาสลับกันสองด้านระหว่างด้านฝังตะวันตกและด้านฝั่งตะวันออกของกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งส่งผลต่อการเกิดฝนบริเวณประเทศไทยและพื้นที่กล้เคียง ซึ่ง IOD เกิดขึ้น 3 ลักษณะ ดังนี้ 3.1 Positive Phase คือ เกิดปรากฏการณ์ที่น้ำอุ่นไปรวมตัวด้านตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งส่งผลให้เกิดฝนน้อยในประเทศไทยรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน 3.2 Negative Phase คือ เกิดปรากฏการณ์ที่น้ำอุ่นไปรวมตัวด้านตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งผลของปรากฏการณ์นี้ทำให้ฝนตกเพิ่มขึ้นในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 3.3 Normal Phase คือ กระแสน้ำอุ่นจะเคลื่อนตัวไปรวมกันอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งส่งผลทำให้ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์ปกติ 

ที่มา : 

Related posts
NEWSTHE CAPTURE

หลักสูตรวกส. รุ่น 6 | เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ของเกษตรกรและผู้บริหารภาครัฐและเอกชน

หลักสูตรวกส. รุ่น 6 |…
Read more
NEWSVideo

ตรวจดินง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว เพื่อผลผลิตที่ดีกว่าเดิม! กับกรมพัฒนาที่ดิน

ตรวจดินง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว…
Read more
NEWS

อัพเดตนวัตกรรมด้านการเกษตรอัจฉริยะและการเพาะเลี้ยงสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในงาน 9th Taiwan Smart Agri Week และ 10th International Aquaculture & Fisheries Expo Taiwan และการศึกษาดูงานที่ National Chung Hsing University และ Schokolake

อัพเดตนวัตกรรมด้านการเกษตรอัจฉริยะและการเพาะเลี้ยงสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย…
Read more
จดหมายข่าว
มาเป็นเพื่อนกับ THE FARMER

สมัครรับข่าวสาร ส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

FOOD IS LIFE

กระเทียมกู้โลก(โรค)

Worth reading...